โควิด-19 สถานการณ์โควิด-19 โควิดวันนี้ หมอยง ภู่วรวรรณ ATK ตรวจ ATK หมอยง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
โควิด19 สถานการณ์โควิดวันนี้ อัปเดตแนวทางตรวจ ATK ล่าสุด ตรวจ RT PCR ยังจำเป็นหรือไม่
สถานการณ์โควิด-19
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ “หมอยง” โควิด-19โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น “โควิด-19” อัปเดตสถานการณ์รวมถึงแนวทางการปฏิบัติการตรวจ ATK ล่าสุด
17 พ.ย.2565) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ “หมอยง“สถานการณ์โควิด-19 หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น “โควิด-19” อัปเดตสถานการณ์รวมถึงแนวทางการปฏิบัติการตรวจ ATK ล่าสุด
หมอยง ภู่วรวรรณ
ปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ มีภูมิต้านทานไม่ว่าจะจากวัคซีน หรือการติดเชื้อโควิดวันนี้ ความรุนแรงของโรคลดลง ปัญหาอยู่ในกลุ่มเปราะบาง โรคเรื้อรัง
แนวทางการปฏิบัติการตรวจ ATK จึงมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
ในคนปกติทั่วไป ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจ ATK เช่น นักเรียนจะไปโรงเรียน หมอยง ภู่วรวรรณการเข้าร่วมประชุม การตรวจ ATK ควรทำในผู้ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ หรือไปสัมผัสกับผู้ป่วย คือสัมผัสโรคมานั่นเอง
การปฏิบัติของโรงเรียนที่ให้นักเรียนตรวจทุกสัปดาห์ ATKจึงไม่มีความจำเป็น จะตรวจเฝ้าระวังเฉพาะผู้ที่มีอาการของโรคหรือผู้สัมผัสโรค หรือคิดว่าตัวเองเสี่ยงในการเกิดโรค และทุกคนจะต้องรับผิดชอบ มีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด มีความซื่อสัตย์
โควิดวันนี้
ผู้สัมผัสโรคจะตรวจเมื่อมีอาการ หรือตรวจในวันที่ 3 และ 5-7 ของสัมผัสโรค ถ้าให้ผลลบ ก็น่าจะปลอดภัยจากการติดโรค
ในผู้ที่ตรวจ ATK ได้ 2 ขีด ให้เข้ารับการรักษา ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจอีก ให้กักตัวเอง 5 วัน และเข้มงวดป้องกันเมื่อออกสู่สังคมอีก 5 วัน ไม่ใช่ว่าตรวจ ATK แล้วพบว่าขีดเดียวแล้วจะทำอะไรก็ได้ ระยะลดการแพร่เชื้อ ควรจะเกิน 10 วันไปแล้ว
หมอยง
(15 พ.ย.2565) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ หมอธีระ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหมอยง โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น “โควิด-19” อัปเดตสถานการณ์ “โควิดวันนี้” จากทั่วโลกและสถานการณ์ในไทย มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเมื่อดูจากการประกาศจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อโควิดสูงสุดคือ
- ญึ่ปุ่น
- เกาหลีใต้
- ไต้หวัน
- สหรัฐอเมริกา
- ฝรั่งเศส
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรกและ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 86.14 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 90.45
อัปเดตความรู้โควิด-19
“แม้ติดเชื้อมาก่อน ก็มีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้”
Kahn F และคณะจากสวีเดน เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv เมื่อวานนี้ โดยศึกษาในกลุ่มประชากรวัยผู้ใหญ่จำนวน 71,592 คน ส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์
พบว่าคนที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 ก่อนหน้าสายพันธุ์ Omicron และคนที่ติดในช่วง Omicron สายพันธุ์ย่อย BA.1 มาก่อนนั้น ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
ในขณะที่คนที่เคยติดเชื้อในช่วงสายพันธุ์ Omicron มาก่อน หากเป็นช่วง BA.2 อาจช่วยลดโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ราว 85% และคนที่ติดในช่วง BA.5 อาจช่วยลดโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ราว 66% อย่างไรก็ตาม ผลในการป้องกันจะลดลงอย่างมากหลัง 5-6 เดือนนับจากที่ติดเชื้อมา
ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เราตระหนักถึงความสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวัง ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเคยติดเชื้อมาก่อนก็ตาม การติดเชื้อไม่จบแค่ชิลๆ ป่วย หรือตาย แต่ยังมีความเสี่ยงต่อเรื่องผลกระทบระยะยาวอย่าง Long COVID จากการติดเชื้อแต่ละครั้งอีกด้วย
“กว่า 90% ของคนติดเชื้อครั้งแรกโดยสายพันธุ์ ตรวจ ATK Omicron นั้นจะมีอาการ”
Doll MK และคณะจากสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565
ศึกษาในกลุ่มประชากรอายุ 30-64 ปี ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน สุขภาพแข็งแรง โดยไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน จำนวน 274 คน ติดตามดูในช่วงมิถุนายน 2564 ถึงกันยายน 2565 เป็นระยะเวลา 48 สัปดาห์
คนที่ติดเชื้อในช่วง Omicron ระบาดนั้น มีถึง 93.3% ที่เป็นการติดเชื้อแบบมีอาการ ในขณะที่คนที่ติดเชื้อในช่วงเดลต้า ทุกคนก็มีอาการป่วย จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อแบบไม่มีอาการนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากนัก
ผลการศึกษานี้ชี้ให้เราเห็นความสำคัญของการปฏิบัติตัว
หากใครมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องโควิด-19 เสมอ ควรทำการตรวจ ATKศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ และแยกตัวจากคนอื่น เพื่อป้องกันการแพร่ไปให้ผู้อื่น ทั้งในบ้าน ในที่ทำงาน และในชุมชน
ในขณะเดียวกัน ประชาชนในสังคมก็สามารถสังเกตคนที่เราพบปะในชีวิตประจำวัน หากมีอาการไม่สบายข้างต้น ก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิด ลดระยะเวลาพบปะ รักษาระยะห่างจากคนป่วย และป้องกันตัวอย่างเหมาะสม
“สตรีที่มีครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้รกอักเสบ และสัมพันธ์กับทารกตายคลอด”
Schwartz DA และคณะ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่รายงานวิชาการในวารสารทางการแพทย์สูตินรีเวช American Journal of Obstetrics and Gynecology เมื่อตุลาคมที่ผ่านมา
จากการศึกษาพยาธิสภาพของรกจากสตรีที่ตั้งครรภ์แล้วเกิดภาวะทารกตายคลอด (Stillbirth)
ชี้ให้เห็นสมมติฐานของกลไกพยาธิสภาพที่จะเกิดขึ้นในรก โดยหากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ไวรัสจะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด และไปที่รก ติดเชื้อในเซลล์ Syncytiotrophoblast และทำให้เกิดกระบวนการอักเสบของรกตามมา โดยเชื่อว่ากลไกนี้จะสัมพันธ์กับการเกิดปัญหาทารกตายคลอด โควิด19
เเนะนำ
- ไปสุวรรณภูมิโผล่ดอนเมือง ครูร้อง สคบ.แท็กซี่ส่งผิดสนามบิน ทำตกเครื่องสูญเงินเป็นหมื่น
- ‘บิ๊กตู่’ คึกคัก นำครม.ลอยกระทง ไร้เงา ‘บิ๊กป้อม’ ด้าน ‘อนุทิน’ ใจป๋าเหมาโอเลี้ยงเสิร์ฟ
- เชฟชื่อดัง ตกใจเจอเม็ดบอลสีส้มวางขายแทนไข่ปลาแซลมอน
- รวบแล้ว! ช่างไฟโหดทุบเฒ่า 61 ปี ดับคาชานชาลา บางซื่อ
- ขอโทษแล้ว! “พระชาตรี” โพสต์ขอโทษ “แพรรี่ ไพรวัลย์” ขอจงอโหสิกรรม
เครดิต newthaiskub